Wednesday, December 31, 2008

เป้าหมาย 2009

1. ฝึกดูจิต ทุกวัน
2. ถ่ายทอดความรู้ให้มากขึ้น อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือเอกสาร 1 ฉบับ / เดือน
3. อ่านหนังสือ อย่างน้อยเดือนละ 2 เล่ม
4. คลอเลสเตอรอล น้อยกว่า 200
5. คิดและลงมือทำ (Think & Do) โดย Do ให้สำเร็จ มากกว่า 60 % ของ Think
6. ให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
7. กินน้ำอย่างน้อย วันละ 1000 cc

Tuesday, December 30, 2008

ถั่ว

เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนสนิทว่า เป็นคนไม่ชอบกินถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วอะไร หรือเจ้าถั่วนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ใดๆ หากมีทางเลือกจะเลี่ยง แล้วก็เลี่ยงมานานจนจำไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่กินถั่ว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไปงานศิลปาชีพที่สวนอัมพรกับพี่สนิท แล้วก็เจอร้านนึงขายเจ้าถั่วนี้เข้า(ดังภาพข้างล่าง)  พี่สนิทสนใจ อาสาเข้าไปหยิบมาให้ชิม แล้วพี่สนิทก็บอกว่าอร่อยดี  แล้วเราก็เผลอหยิบเข้าปาก เคี้ยว (ทุกทีจะกินแต่น้ำตาลเคลือบ แล้วจะคายถั่วทิ้ง) อร่อยดีแฮ่ะ ซื้อเลย ครึ่งโล

 

เดินเที่ยวในงาน คนอื่นเค้าเลือกซื้อผ้าไหม ผ้าฝ้าย สองคนนี้เพลิดเพลินกับการกินถั่ว และถั่วนี้ก็อร่อยจริงแฮ่ะ กอปรกับตอนกลับบ้าน รถติด ไม่มีอะไรทำ เพลินหล่ะสิ  เคี้ยวไปเรื่อย แล้วยังจะหันไปพูดกับพี่สนิทว่า พี่ต้องกินน้ำเยอะๆ นะ จะได้ไม่ระคายคอ < br>
ตอนกลางคืน เริ่มมีอาการ ระคายคอ และไอ เหอๆ เผลอแผล่บเดียว ผ่านมา 3 วัน ยังไม่หาย หมอวินิจฉัยว่า เป็นหวัดและคออักเสบ เสียตังค์ค่าหมอและยาไป 1,030 บาท  มึนและซึมไปเพราะยาที่หมอจัดให้  ไม่สนุกเท่าไรกับการที่ป่วยในช่วงเทศกาลสิ้นปี-ปีใหม่แบบนี้
แต่ก็ ช่วยทำให้รู้ว่า เหตุของการไม่กินถั่ว คือ แพ้ถั่วนี่เอง  

บันทึกไว้ว่า 
แพ้: ถั่ว และ ป๊อบคอร์น
ชนะ: ปู แล้น
& lt;br>ภาพประกอบ: http://www.kruaklaibaan.com/

Wednesday, November 19, 2008

อยากเปลี่ยน

นานมาแล้วเปลี่ยนมาทำงานชิ้นนึงที่ไม่มีพื้นฐานใดๆมาก่อน ด้วยการสนับสนุนและผลักดันของเพื่อนที่สนิท   ทั้งๆที่ตอนนั้นคิดว่า...เดิมก็ดีอยู่แล้ว

มาในตอนนี้ สถานะการณ์ต่างจากเดิม วันเวลาเปลี่ยน ไม่มีใครผลักดัน หรือสนับสนุนให้เปลี่ยนเฉกเช่นในอดีต แค่รู้สึกว่าบางอารมณ์ก็รู้สึกเต็มอิ่ม ก็แค่อยากลองเริ่มจาก ศูนย์ ดูบ้าง (โชคดีที่ไม่ติดลบ)

จากจุดที่อยากเปลี่ยน คงต้องเตรียมความพร้อมอะไรอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะทำตัวเป็นภาชนะเตรียมรับสิ่งใหม่ๆ

Friday, August 1, 2008

ที่ว่าง

ทำไมในหนึ่งสัปดาห์จะมีวันหยุด 2 วัน ?

ทำไมเมื่อหนังสือขึ้นบทใหม่ จึงมีพื้นที่ว่างๆ ?

ทำไมการแต่งทำนองเพลง จึงมีตัวหยุดโน้ต ?

ทำไมร่างกายเราจึงต้องการการพักผ่อน ?

ฤาจะเพียงเพราะหยุด เพื่อทบทวนตนเอง และเริ่มต้นใหม่ (จริงหรอ?)

ลาหยุดคราวนี้ หายหน้าหายตาไป 3 วัน ได้สะสางสิ่งที่ค้างคามานาน

- สะสางฝุ่นในที่ต่างๆ ทำไมมันเยอะอย่างนี้

- สะสางคิวที่อยากทำ ด้วยการชม "ตามรอยพระพุทธเจ้า" จบไปแล้ว 1 รอบ อยากจะชมด้วยความตั้งใจอีกรอบ

Sunday, April 20, 2008

ทำไมจึงต้องขว้างปลาดาว ?

ช่วงนี้เบื่อเน็ตอย่างไรชอบกล จึงใช้เวลาไปทำอย่างอื่นแก้เบื่อด้วยการ ยืมหนังสือจากห้องสมุดบริษัทฯ มาหลายเล่ม คืนนี้อ่านจบไปหนึ่งเล่ม หยิบหนึ่งตอนจากเล่าให้คิด มาบันทึกที่นี่

ทำไมจึงต้องขว้างปลาดาว ?

ลอเร็น ไอซลีย์ เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ และ นักเขียนชื่อดัง เช้าวันหนึ่ง..... เขาไปนั่งเล่นบริเวณโขดหินริมทะเล มองออกไปไกลๆ ตามแนวชายหาดยาวสุดสายตา เขาสังเกตเห็นชายคนหนึ่งวิ่งจากชายหาดเข้าไปหาคลื่น แล้วก็หันหลังกลับเข้ามา ทำเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาประหนึ่งว่า กำลังเต้นรำอยู่ริมชายหาด

ไอซลีย์จึงตัดสินใจออกเดินไปตามทิศทางนั้น สักพักหนึ่งก็มาถึง เมื่อเดินเข้าไปไกลพอ จึงได้ถามขึ้นว่า

"พ่อหนุ่ม กำลังทำอะไรอยู่หรือ ?"
"พระอาทิตย์กำลังขึ้น น้ำทะเลกำลังลดลง และปลาดาวก็กำลังจะตาย" ชายหนุ่มตอบ
"ชายหาดนี้ยาวนับ 10 ไมล์ พ่อหนุ่มคงช่วยอะไรไม่ได้นักหรอก แล้วจะทำไปทำไม ?"
ไอซลียร์ถามด้วยความสงสัย

คราวนี้ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับก้มลงไปหยิบปลาดาวขึ้นมาอีก 1 ตัว แล้วก็วิ่งออกไปจนใกล้คลื่นที่สุด แล้วขว้างปลาดดาวออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเขาก็วิ่งกลับมาตอบกับไอซลีย์ว่า

"อย่างน้อยผมก็ทำให้มันรอดไปได้อีก 1 ตัวแล้วไง" (I made a difference for that one!)

ไอซลีย์หันหลังกลับด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจในตัวชายหนุ่มผู้นั้น ระหว่างที่เขานั่งเขียนหนังสือไปจนถึงบ่ายแก่ๆ เขาก็ยังคิดไม่ออกว่า
เจ้าหนุ่มนั่น... มันทำอย่างนั้นทำไม !

ในที่สุด ตอนค่ำๆ เขาจึงคิดได้ว่า ชายหนุ่มคนนั้น เขาไม่ต้องการนั่งดู-นั่งรอ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในโลก แต่อะไรก็ตาม ที่เขาจะสามารถมีส่วนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ต่างหาก.... เป็นสิ่งที่เขาต้องการ คิดได้ดังนั้นแล้วไอซลีย์จึงรีบเข้านอนแต่หัวค่ำเป็นพิเศษ

ไอซลีย์ตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ รีบแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อออกไปหาชายหนุ่มคนนั้น...... เพื่อช่วยขว้างปลาดาว !

ข้อชวนคิด
+ การนั่งดู หรือ นั่งประหลาดใจสงสัยว่า กำลังมีอะไรเกิดขึ้น คงไม่ได้ช่วยให้เกิดพัฒนาการใดๆ ขึ้นได้
+ การร่วมแรงร่วมใจ-การลงมือทำเพียงคนละไม้คนละมือ อย่าว่าแต่เรื่องใดๆ ในองค์กรของเราจะเปลี่ยนแปลงได้เลย โลกก็คงไม่พ้นมือเราไปได้ !

นำมา "เล่าให้คิด......Leader as Storyteller"

Saturday, March 1, 2008

Young 4ever



เหตุเกิดจาก จอมอนิเตอร์ LCD มีอาการติดๆ ดับ ๆ ทางศูนย์ฯ แนะนำว่าให้ส่งซ่อม วันนี้จึงเตรียมตัวไปที่ศูนย์ หิ้วจอมาตั้งรอฤกษ์ (รอกินข้าวเช้า+เที่ยง) แม่เห็นกล่องจอ จึงเอ่ยปาก "เดี๋ยวแม่จะให้ยามไปเรียกรถ taxi ให้" (แม่คงรู้นิสัยว่า ไอ้ลูกคนนี้ปากหนัก ไม่ใช้ใครง่ายๆ) เราก็นั่งเรื่อยเฉื่อยในบ้าน รู้อีกทีก็ taxi มาจอดหน้าบ้านพร้อมกับแม่ที่ลงจากรถ

แป่ว..... นี่แม่ออกไปเรียก taxi ให้หรือนี่
แม่ลงจากรถ หัวเราะ แห่ะๆ พร้อมกับพูดว่า กลัวว่ายามจะไม่รู้จัก พันธ์ทิพ (ปัดโธ่....บาปกรรม จริงๆๆๆ เรา - -")

บุคคลในโลกนี้ที่หาได้ยาก 2 คน
+ ผู้ที่มีพระคุณ
+ ผู้ที่ตอบแทนคุณ

สำหรับเราแล้ว ไม่ได้เป็นทั้ง2ข้อ ไม่ได้เป็นผู้มีพระคุณกับใคร และ ยังตอบแทนคุณผู้มีพระคุณไม่ได้อย่างที่ใจอยากทำ

เคยมีคนบอกว่า ไม่ว่าจะอายุสักเท่าใด ผู้ที่เป็นพ่อแม่คิดเสมอว่า ลูกยังเป็นเด็ก จวบจนทุกวันนี้ แม่ก็ยังเห็นว่าเราเป็นเด็ก แม้ว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเราตอนนี้จะเป็นแม่คนไปแล้วก็ตาม - -"

Saturday, February 16, 2008

บันทึกการอ่าน



คำว่า ทิฐิ จริงๆ แล้วมีทั้งที่เป็นสิ่งที่ดี ที่เรียกว่า "สัมมาทิฐิ" และ ที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีเรียกว่า "มิจฉาทิฐิ" แต่ถ้าทิฐิอยู่เดี่ยวๆ แล้วมักจะหมายถึง "ความอวดดี อวดดื้อ ถือดี ถือตัว อันเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการบริหารองค์กร ตลอดจนการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่น

ทิฐิ เป็นเหมือนปราการที่คอยปิดกั้นความรู้ ความเห็นของคนอื่น ด้วยเห็นว่าสิ่งที่ตนเองคิด สิ่งที่ตนเองเข้าใจ เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการปิดกั้นปัญญา รวมทั้งข้อมูลสำคัญๆที่ควรทราบ และ ที่แย่ไปกว่านั้น คือ ทิฐิ เป็นเหมือนฐานที่คอยหนุนให้คนรู้สึกว่าตนเองสูงกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าคนอื่น...จะว่าไปแล้ว ทิฐินี้เองที่เป็นเครื่องตัดความเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับคนอื่น และ ทำให้ผู้มีทิฐินั้น โดดเดี่ยวโดยไม่รู้ตัว...................

คัดลอกมาจาก: นิตยสาร Productivity World ประจำเดือน มกราคม 2551
ภาพประกอบ: http://my.dek-d.com

Wednesday, February 6, 2008

ี่เปลี่ยนไป



เวลาผ่านไปทุกวินาที หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง บางสิ่งบางอย่างดีขึ้น บางสิ่งบางอย่างคงเดิม บางสิ่งบางอย่างแย่ลง บางสิ่งบางอย่างผ่านเข้ามา บางสิ่งบางอย่างผ่านไป บางความรู้สึกดีใจ บางความรู้สึกเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องจัดการกับสิ่งต่างๆ ให้ได้

Saturday, January 26, 2008

ประเมิน

ผ่่านมา 10 เดือน ถูกจ้างให้เป็นผู้บริหาร ใน 1 วัน มีเพียง 1 ชั่วโมงทีเล่นบทผู้บริหาร ที่เหลือยังเป็นพนักงานปฎิบัติ เมื่อเค้าจ้างให้เป็นผู้บริหารแม้จะยังไม่ได้เป็นมืออาชีพ ก็พยายามฝึกต่อไป

เมื่ออยู่ตรงกลางจึงจำเป็นต้องสื่อสารความต้องการของนาย/ฝ่ายอื่นๆ และ ความต้องการของลูกน้องไปพร้อมๆกัน แม้จะเป็นความต้องการที่สุดขั้ว

อย่างเรื่องผลตอบแทน พนักงานต้องการผลตอบแทนมากๆ ในขณะที่นายคิดว่าพนักงานตอบแทนอย่างไรให้บริษัทฯ และจุดที่สมดุลย์อยู่ที่ใด มีระบบประเมินทุกปี จะมีสักกี่คนที่เข้าใจระบบประเมิน ระหว่างโบนัสและเงินเดือน ต่างกันอย่างไร

จึงขอบันทึกช่วยจำ ความแตกต่างของหลักการการประเมินโบนัส และ ประเมินการปรับเงินเดือนไว้ที่นี่

โบนัส: การประเมินผลงานที่ทำตลอดทั้งปี (Performance) โดย keyword คือ เรื่องอดีต
เงินเดือน: การประเมินผล ว่า คนๆ นึงจะมีความสามารถ ทำ... ให้บริษัทอย่างไร (Potential) โดย keyword เรื่องอนาคต

Sunday, January 20, 2008

พลังที่มองไม่เห็น

เมื่อคืนตื่นกลางดึก คิดว่าจะทำอะไรดี นอกจากการใช้อินเทอร์เน็ต ดูทีวี เลือกที่จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งอ่าน ๆ ไปเรื่อยๆ จนจบเล่ม เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา ตี 4 เศษๆ แปลกใจที่อ่านจบอยากรวดเร็ว ทำให้ได้คิดอะไรบ้าง

  • เข้าใจเหตุและผล ของการกระทำของ ผู้ใหญ่บางคนมากขึ้น
  • เข้าใจว่าตัวเราควรทำอะไรบ้าง เพิ่มขึ้นบ้าง
  • เข้าใจว่าเราอ่านมามาก สิ่งที่เหลือคือการ ปฏิบัติ ที่ต้องฝึกฝน และ ทำเป็นประจำ
  • เข้าใจว่าจะกังวลบางเรื่องไปใย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แก้ไขที่ต้นเหตุจะดีกว่า เสียพลังงานไปกังวล

Tuesday, January 8, 2008

เวลาสำหรับชีิวิต

เมื่อช่วงเย็นหลังจากเลิกงาน ตั้งใจเดินออกกำลังกาย ที่มหาวิทยาลัย ข้างๆ ออฟฟิศ การเดิน การวิ่ง เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่ง ที่ผู้ออกกำลัง สามารถกระทำได้โดยตามลำพัง ไม่ต้องพึ่งพิงใคร ระหว่างเดินสังเกตุ เพื่อนร่วมลู่ ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างวิ่ง ไม่มีใครคุยกัน (ก็เค้าไม่รู้จักเรานี่นา) การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการ เช่าพื้นที่ หรือซื้ออุปกรณ์แพงๆ ขอให้มีเวลาเท่านั้นก็พอ ระหว่างเดินทบทวนหลายๆ เรื่องในชีวิต ไม่น่าเชื่อเผลอแผลบเดียว ก็มืดเสียแล้ว (คิดซะหลายเรื่อง) เวลาผ่านไป 40 นาทีแล้ว แค่นี้ก่อนละกันสำหรับการเริ่มต้น (Think and Do)

จากนั้นเดินกลับมาออฟฟิศ แวะที่ร้านหนังสือใต้ตึก (อยากให้เหงื่อแห้ง ก่อนกลับขึ้นไปทำงานต่อ) หยิบหนังสือหนังสือเล่มนึงขึ้นมาดูและเผลอพลิกอ่านจนเกือบจบ (เกรงใจคนขาย) ลุกคืนแล้วเลือกเล่มอื่น เผื่อซื้อกลับบ้าน พอได้เล่มที่สนใจ พลิกดูราคา 250 บาท เอ่อ มีเงินติดตัวมาแค่ 200 บาทเอง ค่อยๆ ลุกเดินออกจากร้าน ขออภัยน้องคนขายนะ เงินไม่พอจริงๆ - -"

Thursday, January 3, 2008

หน้าที่แรก ประจำปี 2008

วันนี้เป็นวันแรกของปีที่ทำหน้าที่ ในการขายความฝัน(แผน) ให้ผู้บริหารฯ ท่านอื่นๆ ฟัง และแล้วก็เสร็จลุล่วงไป ตะลึงกับการไม่ถูกยิง คำถามใดๆ กลางห้องประชุม การไม่ถาม ตีได้ 2 ความหมาย คือ การ present เคลียร์มาก กับอีกกรณีหนึ่งคือ ไม่น่าสนใจ อย่างไรก็ดี ในเมื่อไม่มีคำถามก็ยกผลประโยชน์ให้เจ้า presentation ละกัน

ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลัง ... "นาย" "เพื่อนสนิท" และ พี่สนิท

Tuesday, January 1, 2008

งานเข้า ฉลองปีใหม่

ต้อนรับปีใหม่ปีนี้(2008) ตั้งใจไว้ว่า

1. คิดและลงมือทำ (Think & Do) ให้มากขึ้น บ่นให้น้อยลง
2. เป็น "ผู้ให้" ให้มากขึ้น
3. ถ่ายทอดความรู้ให้มากขึ้น
4. หลุดพ้นจากข้อจำกัดและ เป็น positive thinker ให้มากขึ้น
5. มีความฉลาดทางอารมณ์และเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น
6. ให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น
7. อ่านหนังสือให้มากขึ้น
8. บริหารเวลาและจัด priority ต่างๆ ให้กับชีวิตให้ดีขึ้น
9. ดูแลสุขภาพให้มากขึ้น eg. กินน้ำมากขึ้น ลดคลอเลสเตอรอล และ ออกกำลังกายให้มากขึ้น

ดูสวยหรู กลางปีและปลายปีมาดูว่า ผลเป็นอย่างไร กว่าจะถึงตอนนั้น มาดูว่า ปีที่แล้ว ตั้งใจไว้ว่าอะไร


New Year Resolution: 2007
1. มาทำงานก่อนเวลา และไม่กลับบ้านค่ำ :: ทำไม่ได้ ผลกลับตรงกันข้าม ดึกกว่าเดิม นอนดึกกว่าเดิม
2. ส่งงานให้ตรงเวลา
3. แสดงความคิดเห็น(สื่อสารให้มากขึ้น)
4. หาทายาท(รับงาน)
5. อ่านหนังสือให้มากขึ้น
6. ทำบุญ และนั่งสมาธิ (ระวังหมดอายุ)
7. Positive Thinking ให้มากขึ้น (จะได้ไม่หดหู่)
8. คลอเลสเตอรอลต้องน้อยกว่า 200
9. ทำบัญชีการใช้จ่าย(ส่วนตัว) และเพิ่มเงินออม
10. ทาสีรั้วบ้าน (ไม่ได้ทาสี ตั้งแต่เรียนโท) :: เสร็จแล้วจ๊า
11. สอบ TOEIC ให้ผ่าน: เป้าหมายก่อนวันเกิด ให้ของขวัญวันเกิด
12. เฮ้อ ข้อนี้ยาก ทำให้กล้วยไม้้แคทลียา(พันธุ์อะไรไม่รู้)ออกดอกให้ได้ สู้มา 5 ปีแล้ว :: ออกแล้วจ๊า
13. ข้อนี้ลืมได้งัย :: ช่วยกันทำ IS ให้เป็นหน่วยงานที่ทำงานอย่างมีความสุข



ดูผลสิ


1. มาทำงานก่อนเวลา และไม่กลับบ้านค่ำ :: ทำไม่ได้ ผลกลับตรงกันข้าม ดึกกว่าเดิม นอนดึกกว่าเดิม
2. ส่งงานให้ตรงเวลา:: ไม่ได้เรื่อง พลาดเป้ากว่าเดิม
3. แสดงความคิดเห็น(สื่อสารให้มากขึ้น):: ยังทำไม่ได้อย่างที่คิด
4. หาทายาท(รับงาน):: หาทายาทได้ 40 %
5. อ่านหนังสือให้มากขึ้น:: อ่านหนังสือ non-technique เฉลี่ย 2 เล่ม/เดือน
6. ทำบุญ และนั่งสมาธิ (ระวังหมดอายุ) :: ทำบุญเพิ่มขึ้น แต่สมาธิแตกซ่าน
7. Positive Thinking ให้มากขึ้น (จะได้ไม่หดหู่) :: ข้อนี้ยังสอบไม่ผ่าน
8. คลอเลสเตอรอลต้องน้อยกว่า 200 :: กินกุ้งและปลาหมึกน้อยลง รวมทั้งไม่มองไข่ปลาหมึก แต่ใจนั้นโหยหา ทะลุเป้า 218
9. ทำบัญชีการใช้จ่าย(ส่วนตัว) และเพิ่มเงินออม:: ข้อนี้กระเจิง ปีนี้ค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม
10. ทาสีรั้วบ้าน (ไม่ได้ทาสี ตั้งแต่เรียนโท) :: ทำลายสถิติ 2 รอบ / ปี
11. สอบ TOEIC ให้ผ่าน: เป้าหมายก่อนวันเกิด ให้ของขวัญวันเกิด :: ทำไม่ได้ดังใจคิด
12. เฮ้อ ข้อนี้ยาก ทำให้กล้วยไม้้แคทลียา(พันธุ์อะไรไม่รู้)ออกดอกให้ได้ สู้มา 5 ปีแล้ว :: ออกแล้วจ๊า
13. ข้อนี้ลืมได้งัย :: ช่วยกันทำ IS ให้เป็นหน่วยงานที่ทำงานอย่างมีความสุข :: วัดไม่ได้ สถานะตอนนี้เป็นหัวหน้าแล้ว ใครจะกล้าบอกเราหล่ะ ^^